นายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาล โดยกระทรวงคมนาคมมีมาตรการเสนอช่วยชดเชยราคาน้ำมันดีเซลให้ผู้ประกอบการลิตรละ 2 บาท วันละ 50-60 ลิตรต่อคันนั้นพบว่า ไม่สะท้อนความเป็นจริง เพราะขณะนี้น้ำมันปรับขึ้นถึง 5 บาทต่อลิตร (จากเดิม 27 บาทต่อลิตร ปรับเป็น 32 บาทต่อลิตร) และรถโดยสารระยะทางสายยาววิ่งถึง 600-700 กม. ใช้น้ำมันประมาณ 250 ลิตร ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกภาระถึง 1,000 บาทต่อเที่ยววิ่ง (250X5) ดังนั้นจึงขอเสนอให้ภาครัฐพิจารณา 2 แนวทาง เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงน้ำมันแพงดังนี้
1.ควรนำมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางเมื่อปี 2548 ที่ประกาศอัตราขั้นบันไดเป็นฐานในการกำหนดอัตราค่าโดยสาร โดยอิงจากราคาน้ำมันดีเซล ถ้าขึ้นสูงถึง 1.12 บาทต่อลิตร จะมีการปรับขึ้นค่าโดยสาร กม. ละ 1 สตางค์ ซึ่งผ่านการศึกษาวิเคราะห์มาอย่างรอบด้าน โดยได้ประกาศใช้ตามโครงสร้างดังกล่าวครั้งล่าสุด เมื่อ 22 เม.ย.2562 ถึงปัจจุบัน โดยอนุมัติให้ใช้อัตราค่าโดยสาร กมคำพูดจาก สล็อต777. ละ 53 สตางค์ ซึ่งวันดังกล่าว ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 27.79 บาท หลังจากนั้นราคาน้ำมันดีเซลปรับสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ (14 พ.ค.65) อยู่ที่ลิตรละ 31.94 บาท ทำให้ผู้ประกอบการแบกรับภาระน้ำมันที่สูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมาตรการพยุงราคาน้ำมันดีเซลของกรมสรรพสามิต จะสิ้นสุดลงในวันที่ 20 พ.ค.65 และมีแนวโน้มว่า ราคาน้ำมันดีเซลมีโอกาสพุ่งทะยานถึงลิตรละ 44 บาท ซึ่งเมื่อเทียบเคียงกับอัตราโครงสร้างค่าโดยสารจากมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง จะต้องปรับอัตราค่าโดยสารขึ้นถึง 15 สตางค์ ต่อ กม. จึงจะสะท้อนต้นทุนที่ทำให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการกิจการต่อไปได้
นายพิเชษฐ์ กล่าวต่อว่า และ 2.เมื่อปี 2561 กรมการขนส่งทางบก(ขบ.)เคยว่าจ้างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.)ทำการศึกษาต้นทุนในการประกอบการขนส่ง เพื่อนำมาปรับโครงสร้างอัตราค่าโดยสารให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง เพื่อให้บริการขนส่งสาธารณะด้วยรถโดยสารประจำทางมีคุณภาพเป็นที่พึงพอใจของประชาชน ซึ่งผลการศึกษาสรุปว่า หากรัฐจะให้กิจการรถโดยสารพัฒนาได้ดังคาดหวังต้องมีการปรับค่าโดยสารขึ้น 30-45% แยกตามหมวดการเดินรถ ซึ่ง ขบ. ไม่เคยนำผลการศึกษาดังกล่าวมาทบทวนปรับใช้ให้เหมาะสม และไม่ได้ให้เหตุผลการไม่นำผลศึกษามาใช้ เพื่อพัฒนากิจการรถโดยสารตามเป้าหมาย
ค่าโดยสารรถประจำทางยังนับเป็นสินค้าและบริการประเภทเดียวที่ถูกกำหนดโดยรัฐให้มีการปรับราคาขึ้นและลง ซึ่งอ้างอิงจากโครงสร้างราคาน้ำมันดีเซล ตั้งแต่ก่อน ธ.คคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. 2549 ถึง เม.ย. 2562 มีการปรับขึ้นค่าโดยสารเพียง 4 ครั้ง แต่ปรับค่าโดยสารลงถึง 6 ครั้ง และหากนับย้อนไป 15 ปีที่ผ่านมา พบว่าภาพรวมรถโดยสารมีอัตราค่าโดยสารที่ลดลง 1 สตางค์ต่อ กม. ทั้งที่ต้นทุนรถโดยสารทุกหมวดสูงขึ้นตลอดเวลา อาทิ ค่าแรงงาน ค่าอะไหล่ ค่าประกัน และรวมถึงค่าอุปกรณ์เสริมเพิ่มต่างๆ ที่รัฐกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องดำเนินการต่อเนื่องและเคร่งครัด เพื่อรักษามาตรฐานการขนส่ง สร้างความเป็นมืออาชีพด้านกิจการขนส่ง และการเดินทางด้วยรถโดยสารในปัจจุบันสร้างความเชื่อมั่นและมีความปลอดภัยสูงจนเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันว่า เป็นบริการขั้นพื้นฐานที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ขอความเห็นใจจากภาครัฐพิจารณาแนวทางช่วยเหลือดังกล่าว เพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพราะกิจการเดินรถโดยสารมีต้นทุนอัตราค่าน้ำมันดีเซลถึง 50%รวมทั้งเร่งสร้างความเข้าใจกับภาคประชาชน ถึงความจำเป็นและเหมาะสมกับต้นทุนที่แท้จริง ช่วยพยุงให้กิจการรถโดยสารสามารถยืนหยัดพัฒนาให้บริการประชาชนอย่างมีมาตรฐานควบคู่ไป หากรัฐไม่เหลียวแลและแก้ปัญหาให้ถูกทาง ผู้ประกอบการรถโดยสารคงเดินหน้าประกอบกิจการและพัฒนางานบริการเคียงข้างวิถีสังคมไทยไปอย่างยากลำบาก”นายพิเชษฐ์ กล่าว